คำพูดที่ว่า “หากได้ลองมาชมภูเขา ลำธารที่ จิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou) ก็ไม่ต้องไปชมที่ไหนอีกแล้ว” นั้นไม่เกินจริง เพราะมรดกโลกที่ความสวยงามและอุดมสมบูรณ์ระดับ 5A แห่งนี้ งดงามราวดินแดนสวรรค์ และสามารถเที่ยวได้ทุกฤดู โดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่สีของใบไม้จะย้อมภูเขาทั้งลูกให้มีหลากสีสันตัดกับพื้นน้ำสีมรกต สวยงามดั่งภาพวาด ที่นี่จึงเป็นหนึ่งในที่เที่ยวจีนยอดนิยมที่หลายคนใฝ่ฝัน วันนี้ Yaktour จะพาทุกท่านไปรู้จัก จิ่วจ้ายโกว ให้มากขึ้นกัน ควรไปเดือนไหน เดินทางอย่างไร ไฮไลท์ที่เที่ยวมีอะไรบ้าง ที่นี่มีคำตอบ!
- เที่ยวจีนต้องไป 7 เมืองยอดนิยม รับรองไม่ผิดหวัง
- เที่ยวจีน ตะลุย 5 สถานที่ถ่ายทำภาพยนต์ชื่อดังสุดอัศจรรย์ในเมืองจีน
- จางเจียเจี้ย ออกตามรอยอวตาร กับ 7 พิกัดสุดฮิตที่ไม่ควรพลาด
- 5 พิกัด เที่ยวต่างประเทศ น่าพาพ่อแม่ไป ประทับใจสุดๆ
จิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou) ประวัติดินแดนสวรรค์สามฤดู
คำว่า ‘จิ่วจ้ายโกว’ ในภาษาจีนหมายถึง แควเก้าหมู่บ้าน (คำว่า จิ่ว = เก้า, ไจ้ = หมู่บ้าน, โกว = แควหรือธารน้ำ) มีที่มาจากชนชาติทิเบต 9 หมู่บ้านที่อาศัยอยู่ริมธารน้ำบริเวณนี้มาแต่เดิม ซึ่งให้ความเคารพ ขุนเขา ป่าไม้ ลำธาร และขนานนามที่แห่งนี้ว่า ‘ขุนเขาธารน้ำอันศักดิ์สิทธิ์’
‘ดินแดนแห่งเทพนิยาย’ นี้ ตั้งอยู่ทางตอนใต้สุดของเทือกเขาหมินซาน ห่างจากเมืองเฉิงตูไปทางเหนือ 330 กิโลเมตร เป็นพื้นที่อนุรักษ์ของประเทศจีน ซึ่งครอบคลุมพื้นที่หุบเขาอันอุดมสมบูรณ์ที่ทอดตัวคดเคี้ยวไปมา มีน้ำตกหลายชั้นสวยงาม ลำธารลดเลี้ยวผ่านหุบผาอันสูงตระหง่าน และทะเลสาบใสสีมรกต ทั้งหมดทั้งมวลนี้รวมเป็นทัศนียภาพอันโดดเด่นสวยงาม จนถูกบันทึกเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2535 และเป็น World Biosphere Reserve ใน พ.ศ. 2540
จิ่วจ้ายโกว เป็นหนึ่งในที่เที่ยวจีนแห่งนี้สามารถไปเที่ยวได้ทุกฤดู ซึ่งแต่ละฤดูก็มีความงดงามน่าประทับใจที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วง ที่ใบไม้เปลี่ยนสีทั่วทั้งหุบเขา ตัดกับลำธารสีมรกตจนเป็นภาพสวยงามชวนฝัน ใครอยากชวนครอบครัวไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกว มาชมไฮไลท์ในแต่ละฤดูกันค่ะ
จิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou) เที่ยวเดือนไหนดี ไฮไลท์ในแต่ละฤดู
ฤดูใบไม้ผลิ : เดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม
อุณหภูมิประมาณ : 4°C – 24°C
เริ่มต้นเที่ยวจีนที่จิ่วจ้ายโกวในฤดูใบไม้ผลิกันค่ะ ช่วงนี้เป็นช่วงที่ฤดูหนาวค่อยๆ ผ่านพ้นไป อากาศจะเริ่มอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ต้นไม้จะเริ่มผลิใบเขียวชอุ่ม ส่วนดอกไม้เริ่มผลิบาน น้ำแข็งในลำธารและแม่น้ำจะค่อยๆ ละลายเป็นสีฟ้าใสและเขียวมรกต ทำให้ทั่วทั้งอุทยานกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พร้อมมีหมอกปกคลุมอยู่บนยอดเขา ดูสวยงาม ผ่อนคลายไปอีกแบบ หากชอบบรรยากาศที่ผ่อนคลายแนะนำให้มาเที่ยวจิ่วจ้ายโกวในช่วงนี้เลยค่ะ
ฤดูร้อน (มิถุนายน – สิงหาคม)
อุณหภูมิประมาณ 15 – 26 องศาเซลเซียส
เวลาผันผ่านเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน เป็นช่วงเวลาที่พื้นที่ของจิ่วจ้ายโกวถูกปมคลุมด้วยสีเขียวสดชื่นด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติมากที่สุด ด้วยต้นไม้ ดอกไม้ ผลิบานอย่างเต็มที่ ท้องฟ้าแจ่มใส แสงแดดส่องสะท้อนลงบนผิวน้ำจนเป็นภาพธรรมชาติสะท้อนลงบนผิวน้ำนิ่งราวกระจก ดูสวยงามจนละสายตาไมไ่ด้ แม้จะเป็นช่วงฤดูร้อน แต่อากาศก็ไม่ร้อนมาก คุ้มค่าแก่การมาเที่ยวมากที่สุด
ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน – พฤศจิกายน)
อุณหภูมิประมาณ 5 – 22 องศาเซลเซียส
เป็นช่วงที่ใบไม้ดอกไม้ภายในจิ่วจ้ายโกวผลัดใบเป็นสีแดง ส้ม เหลือง เพิ่มสีสันละลานตาปกคลุมทั่วทั้งหุบเขา ช่วงนี้เป็นช่วงไฮไลท์ที่ ทัวร์จีน ทัวร์จิ่วจ้ายโกว รวมถึงนักเดินทางมาเที่ยวจีนแห่แหนกันมาสัมผัสภาพวิวทิวทัศน์ของใบไม้เปลี่ยนสีนับหมื่นๆ ต้น และทะเลสาบมรกตที่งดงามราวหลุดออกมาจากในเทพนิยาย
ฤดูหนาว (ธันวาคม – กุมภาพันธ์)
อุณหภูมิประมาณ -6 ถึง 10 องศาเซลเซียส
เข้าสู่ฤดูสุดท้ายของปี อุณหภูมิลดต่ำลงจนแปรเปลี่ยนให้ทั่วทั่งหุบเขาถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดน้ำแข็ง น้ำในทะเลสาบและแม่น้ำเริ่มจับตัวเป็นแผ่นน้ำแข็งขนาดกว้างใหญ่ เป็นฤดูเดียวที่เราจะได้เห็นทะเลสาบสีฟ้าอยู่ท่ามกลางแมกไม้สีขาว ดูสวยงามราวกับภาพวาด และโรแมนติกมาก ใครอยากถ่ายภาพและสัมผัสหิมะต้องมาเที่ยวจีนที่จิ่วจ้ายโกวช่วงนี้เลย
การเดินทางไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกว
ได้วันเดินทางไปเที่ยวจีน ชมความงามของจิ่วจ้ายโกวแล้ว มาวางแผนการเดินทางกันเลย
- เริ่มต้นด้วยการนั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปลงที่ สนามบินนานาชาติเฉิงตูซวงหลิว (Chendu Shuangliu International Airport)
- ใช้บริการเที่ยวบินภายในประเทศไปลงยัง ท่าอากาศยานนานาชาติหวงหลง (Jiuzhai Huanglong Airport)
- นั่งรถบัส Zhuna Airport Bus สาย 3 ไปลงยังป้าย Jiuzhaigou Scenic Spot สุดท้ายก็นั่งแท็กซี่ต่อไปอีกประมาณ 15 กิโลเมตร ก็ถึงแล้วจ้า
แต่หากใครอยากจะเหมาแท็กซี่ตรงไปยังจิ่วจ้ายโกวเลยก็ได้นะคะ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงก็ถึง มีเพื่อนเยอะ ไปกันหลายคน หารกันจะประหยัดและสะดวกกว่าค่ะ
อีกทางเลือกหนึ่งคือการใช้บริการบริษัททัวร์ ที่มีให้บริการทัวร์จีน ทัวร์จิ่วจ้ายโกว เพราะทางบริษัทจะมีรถมารับที่สนามบินเลย พานั่งรถบัสเที่ยวตลอดทริป สะดวกและง่ายมากๆ ไม่ต้องแย่งรถกับนักเดินทางในประเทศและชาวต่างชาติที่ไปในช่วงเวลาเดียวกัน ที่สำคัญ ประหยัดงบ ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องการเตรียมเอกสารและวางแผนการเที่ยวเลยค่ะ เพราะทางบริษัทจัดการให้หมดเลย ลองเลือกดู โปรแกรมทัวร์จีนไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกว กันได้เลยค่ะ
จิ่วจ้ายโกว ไฮไลท์ที่เที่ยว ชมใบไม้เปลี่ยนสี
ทะเลสาบ 5 สี
ออกเที่ยวจีนที่แรก ไปชมธารน้ำที่สวยงามดุจธารสวรรค์อย่าง ทะเลสาบ 5 สี ที่จิ่วจ้ายโกว สีน้ำของที่นี่จะสวยงามแปลกตา โดยเฉพาะเมื่อยามแสงอาทิตย์สาดส่องกระทบผิวน้ำ สีของน้ำในทะเลสาบจะสะท้อนเป็นสีสันถึง 5 เฉดสี นั่นคือ เขียว ขาว เทา น้ำเงิน และม่วง สวยงามสะกดตาสะกดใจผู้มาเยือน ยิ่งหากได้มาชมในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี สีสันของใบไม้รอบสระน้ำจะเพิ่มสีสันเสริมให้วิวทิวทัศน์ที่เห็นสวยงามจนยากลืมเลือน
น้ำตกธารไข่มุกหรือน้ำตกนู่รือหลาง (Pearl Shoals Waterfall or Nuo Ri Lang Waterfall)
น้ำตกธารไข่มุก เป็นน้ำตกที่กว้างที่สุดของอุทยานจิ่วจ้ายโกว เกิดจากหินปูนที่แข็งตัวจนกลายเป็นรูปทรงคล้ายพัดและมีสายธารไหลผ่านลดหลั่นทอดยาวผ่านชั้นหินและถ้ำลำธารขนาดน้อยใหญ่ยาวถึง 310 เมตร โดยเฉพาะเมื่อมีแสงแดดส่องลงมาตกกระทบผิวน้ำจะงดงามราวกับเส้นไขมุกสมชื่อเลยนั่นเอง หากนักท่องเที่ยวได้มาเที่ยวจีนและมาชมน้ำตกภายในจิ่วจ้ายโกวแห่งนี้ในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสี จะได้พบกับภาพของต้นไม้หลากสีสันที่ตั้งตระหง่านสลับซับซ้อนตามโขดหิน แง่นผาลดหลั่นตามชั้นของน้ำตก เป็นภาพที่สวยงามแปลกตา
ทะเลสาบยาว (Long Lake)
หนึ่งในทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานจิ่วจ้ายโกว ทอดตัวโค้งเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวรองรับน้ำสีฟ้าสวยที่มาจากหิมะละลายจากภูเขา ล้อมรอบด้วยภูเขาที่ทอดตัวยาวและมีต้นสนซีดาร์ งดงามราวหลุดออกมาจากนิยายจีน ยิ่งหากมาเที่ยวที่แห่งนี้ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะมองเห็นน้ำสีฟ้าที่ตัดกับต้นไม้หลากสีสันละลานตา หากมาในฤดูหนาว ทะเลสาบสีฟ้าจะเริ่มจับเป็นน้ำแข็งตัดกับวิวทิวเขาสีขาวสลับเงินจากหิมะที่ปกคลุม สวยงามจนหาที่เปรียบไม่ได้ เป็นจุดที่มีวิวสวยงามน่าถ่ายรูปอีกจุดหนึ่งเลยค่ะ
ทะเลสาบแรด (Rhino Lake)
อีกหนึ่งจุดที่หากมาเที่ยวจีนและได้มีโอาสกมาเยือนอุทยานจิ่วจ้ายโกว แล้วต้องไม่พลาดมาถ่ายรูปเช็กอิน เพราะที่นี่เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่อันดับ 2 ของอุทยานจิ่วจ้ายโกว รองจากทะเลสาบยาว และเป็นทะเลสาบที่มีวิวเปลี่ยนเยอะที่สุด เนื่องจากรอบทะเลสาบจะรายล้อมไปด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ อย่างเช่น ในฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิ บรรยากาศรอบทะเลสาบจะเป็นสีเขียวชอุ่มดูผ่อนคลาย เมื่อเป็นฤดูใบไม้ร่วงหรือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ภาพพื้นหลังจะเป็นสีส้ม แดง เหลือง สวยงาม และน้ำในทะเลสาบแห่งนี้ยังนิ่งราวกับแผ่นกระจก สะท้อนเงาวิวทิวทัศน์โดยรอบ จนถูกจัดว่า ทะเลสาบแรด เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีวิวเงาสะท้อนที่สวยสุดที่สุดแห่งหนึ่ง
ทะเลสาบนกยูง (Peacock Lake)
มาถึงจุดสุดท้ายที่เมื่อมาจิ่วจ้ายโกวต้องมาเยือน ทะเลสาบแห่งนี้มีรูปร่างคล้ายกับนกยูง จึงเป็นที่มาของชื่อ สีของน้ำในทะเลสาบเป็นสีฟ้าไล่เฉดน้ำเงินเข้มตามความตื้นลึกของน้ำ และใสราวกับคริสตัล ยิ่งหามาเที่ยวชมในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ยาวที่ใบไม้สีต่างๆ ร่วงหล่นบนผืนน้ำ ก็จะแผ่กระจายออกคล้ายนกยูงกำลังรำแพน จนเป็นที่ร่ำลือว่าหากได้ชมความงามของทะเลสาบนี้ ก็ไม่อาจเห็นทะเลสาบอื่นใดงดงามได้อีก
ได้ข้อมูลและชมความสวยงามของอุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกวที่ได้สมญานามจากนักท่องเที่ยวว่า “ดินแดนแห่งเทพนิยาย” แล้ว ต้องไม่พลาดไปสัมผัสด้วยตาตัวเอง ไปกับยักษ์ทัวร์ ประหยัดงบ ไม่ต้องยุ่งยากเรื่องการเตรียมเอกสารและวางแผนการเที่ยว เพราะบริษัทดูแลและจัดการให้ทุกขั้นตอนตั้งแต่วางแผน จนไปถึงเดินทางกลับถึงประเทศไทย เลือกดู โปรแกรมทัวร์จีนไปเที่ยวจิ่วจ้ายโกว กันก่อนได้ มีให้เลือกเยอะแยะเลยค่ะ
สอบถามข้อมูล และปรึกษาแผนการเที่ยวได้ที่ Line : @yaktour
โทรศัพท์