ประเทศจอร์เจีย คือหนึ่งในประเทศยอดฮิตติดกระแส ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวหลายๆ คน เพราะที่นี่คือดินแดนแห่งขุนเขาที่ตั้งอยู่สุดขอบเอเชีย หรือที่เรียกกันว่าเป็นประเทศแนวเขตดินแดนสองทวีปนั่นเองค่ะ ด้วยความที่มีภูมิประเทศเป็นแนวป่าเขาเสียส่วนใหญ่ ทำให้ ที่เที่ยวจอร์เจีย เต็มด้วยธรรมชาติและป่าเขาที่อุดมสมบูรณ์ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีสถาปัตยกรรม วัฒนธรรม บ้านเรือน รวมถึงภูมิอากาศ ใกล้เคียงกับยุโรปมากเลยค่ะ

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

• เที่ยวจอร์เจียหน้าหนาว น่าไปแค่ไหน? ทำไมมีกี่วันก็ไม่พอ
• เปิด 7 พิกัด เที่ยวจอร์เจีย สัมผัสบรรยากาศยุโรปแบบไม่ต้องขอวีซ่า

10  เหตุผล ทำไมถึงต้องไป ประเทศจอร์เจีย 

1. ฟรีวีซ่า

คนไทยไปเที่ยวจอร์เจียได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า และอยู่ในประเทศได้นานถึง 365 วัน / ครั้ง จึงทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวไทยหลายคนสนใจที่จะเดินทางมาเที่ยวจอร์เจียกันเยอะมากขึ้น

2. ค่าครองชีพไม่สูง

ประเทศจอร์เจีย ค่าครองชีพไม่แตกต่างจากบ้านเรามากนัก ค่าเงินของจอร์เจีย 1 ลารีจอร์เจีย จะเท่ากับ12 บาทโดยประมาณ เราต้องเตรียมแลกเงิน USD หรือ EUR ไปแลกเป็นลารีที่ประเทศจอร์เจียอีกทีนะคะ

3. เที่ยวได้ทุกฤดู

มาเที่ยวจอร์เจียฤดูไหนก็ไม่ผิดหวัง ไม่ว่าจะ ฤดูหนาว ช่วงเดือนธันวาคม – เดือนกุมภาพันธ์ มาสัมผัสหิมะ เล่นสกีมันๆ หรือถ้าอยากดูดอกซากุระ บลอสซั่มนานาพันธุ์ ก็ต้องมา ฤดูใบไม้ผลิ ช่วงเดือนมีนาคม – เดือนพฤษภาคม และถ้าอยากเจอป่าเขียวๆ ดอกไม้บานสะพรั่งในช่วงซัมเมอร์ต้อง ฤดูร้อน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน – เดือนสิงหาคม ส่วนใครอยากชมความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีนี่เลย ฤดูใบไม้ร่วง ช่วงเดือนกันยายน – เดือนพฤศจิกายน เป็นประเทศจอร์เจียเที่ยวได้ตลอดทั้งปีจริงๆ ค่ะ

4. สถาปัตยกรรมงดงาม

ด้วยความที่ประเทศจอร์เจียเป็นเมืองเก่าแก่ และมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี 

อารยธรรมที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน รวมถึงเป็นดินแดนของคริสต์นิการออโธดอกซ์ จึงทำให้สถาปัตยกรรม โบราณสถาน โบสถ์และศาสนพิธีต่างๆ มีความโดดเด่น สวยงามอลังการมาก ไม่ว่าจะเป็น โบสถ์บรากาติ, เมืองเก่าบาตูมิ, ปราสาททราบาติ, ป้อมอนานูรี และอื่นๆ

5. สัมผัสวัฒนธรรมเก่าแก่

อย่างที่ทราบกันไปแล้วว่าจอร์เจียเป็นประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 2,500 ปี โดยภาษาที่ใช้ก็เป็นหนึ่งในภาษาเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังมีการใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจอร์เจียจะเคยถูกยึดครองโดยเปอร์เซีย มองโกล อาหรับ ตุรกี หรือช่วงที่ปกครองโดยรัสเซียก็ตาม แต่เราก็ยังได้เห็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของจอร์เจียผ่านงานจิตกรรม สถาปัตยกรรม และภาพยนตร์ต่างๆ อยู่ตลอด ถือเป็นประเทศที่ยังมีกลิ่นอายของวัฒนธรรมเก่าแก่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสอยู่

6. ที่เที่ยวจอร์เจียมีครบทั้งธรรมชาติและประวัติศาสตร์

ประเทศจอร์เจียถึงแม้ว่าจะอยู่ในทวีปเอเชียแต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนสองทวีป เพราะอยู่สุดขอบเอเชีย จึงทำให้สถาปัตยกรรมต่างๆ ของจอร์เจียเหมือนทางฝั่งยุโรปมากๆ มีทั้งยังมีที่เที่ยวทางธรรมชาติและที่เที่ยวทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง เช่น โบสถ์เกอร์เกตี้ (Gergeti Trinity Church) โบสถ์ที่มีชื่อเสียงถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศจอร์เจีย โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนเทือกเขาคอเคซัส ที่ความสูง 2,710 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล วิวสวยอลังการเกินจริงมาก , หมู่บ้านจูทา (Juta Valley) หมู่บ้านที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ตั้งอยู่กลางหุบเขาในเทือกเขาคอเคซัส หมู่บ้านแห่งนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและทุ่งหญ้าบรรยากาศดีสุดๆ ไปเลยค่ะ 

7. อาหารอร่อย

จอร์เจียมีอาหารพื้นเมืองอร่อยๆ น่าลิ้มลองเยอะมากๆ ส่วนใหญ่จะประกอบไปด้วยแป้ง ชีส และมะเขือเทศเป็นหลัก แนะนำเมนูห้ามพลาด คือ Khinkali ลักษณะคล้ายเสี่ยวหลงเปาแต่เป็นเวอร์ชั่นจอร์เจีย และ Khachapuri ขนมปังแป้งบางกรอบ ที่มีไข่ เนย ชีส อยู่ตรงกลาง เสิร์ฟมาแบบร้อนๆ นอกจากนี้ก็ยังมีเมนูอื่นๆ อีกมากมาย สำหรับใครที่เป็นสายกินรับรองเลยว่าจะต้องติดใจ

8. ชาวจอร์เจียอัธยาศัยดีและเป็นมิตร

ผู้คนในประเทศจอร์เจียจะมีวิถีชีวิตเรียบง่าย สบายๆ ไม่เร่งรีบ ผู้คนที่นี่อัธยาศัยดี ยิ้มแย้มแจ่มใส จะเห็นได้ชัดจากการแวะซื้อของตามร้านค้า พ่อค้าแม่ค้าสีหน้าท่าทางเป็นมิตร ต้อนรับและให้บริการอย่างเต็มใจ รวมถึงผู้คนทั่ว ๆไปก็ดูเป็นน่ารักมากเลยค่ะ

9. การเดินทาง  

 การเดินทางไปเที่ยวประเทศจอร์เจียปัจจุบันยังไม่มีเที่ยวบินที่บินตรงจากกรุงเทพฯ ต้องเดินทางไปต่อเครื่องที่ประเทศใกล้เคียงก่อนแล้วถึงค่อยไปลงที่สนามบินทบลิซี โดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางประมาณ 11-12 ชั่วโมง ซึ่งก็ถือว่ายังเป็นประเทศที่เดินทางมาได้อย่าสะดวกสบายเลยค่ะ

10. ไวน์ขึ้นชื่อรสชาติดี

ประเทศนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดไวน์ (The birth place of wine) ซึ่งที่นี่มีการผลิตไวน์มาอย่างยาวนานกว่า 8,000 ปี ว่ากันว่าในปัจจุบันรูปแบบการผลิตไวน์ของที่นี่ ก็ยังใช้กรรมวิธีโบราณแบบเดียวกันกับเมื่อ 8,000 ปีที่แล้วอยู่! จึงทำให้มีรสชาติไวน์ที่เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่อื่น ด้วยเหตุนี้เอง องค์กร UNESCO จึงได้บันทึกให้การทำไวน์ของที่นี่เป็นหนึ่งในมรดกโลกทางวัฒนธรรม

สำหรับใครที่อ่านมาถึงตรงนี้แล้วเกิดอยากจะไปเที่ยวหรือว่ากำลังวางแผนไปประเทศจอร์เจียอยู่ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลกับ ยักษ์ทัวร์ ได้เลยนะคะ เรามี โปรแกรมทัวร์จอร์เจีย และ ทัวร์ต่างประเทศ ให้เลือกมากมาย แต่ถ้าใครที่ยังไม่เคยไปจอร์เจียมาก่อนเลย ทางเราหวังว่า 10 เหตุผลข้างต้นนี้จะเพียงพอต่อการออกเดินทางไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ของคุณนะคะ

หากสนใจไปเที่ยว ออกไปเที่ยวกับ ยักษ์ทัวร์ เรามี โปรแกรมทัวร์ทั่วโลก พร้อมให้บริการ ทักหาเจ้าหน้าที่ได้เลยที่ Line : @yaktour ได้เลย

ยักษ์ทัวร์ แหล่งรวม โปรแกรมทัวร์จีน หรือจะทักมาคุยกับเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเดินทางได้ที่

Line : @yaktour

หรือ โทรศัพท์

082-203-9942
086-408-9824
086-384-4045
02-077-8252

ติดตามเราได้ที่

Facebook : yaktourgroup
Instagram : Yaktour
Tiktok : เที่ยวกับยักษ์ทัวร์

เข้ากลุ่มส่งโปรไฟไหม้ : http://bit.ly/3YG6OFr